Ch.00 Prolog - ผมอยากเป็นที่ปรึกษา


แน่นอนว่าทุกคนต้องใฝ่ฝันว่าอยากได้ทำงานที่ตัวเองรัก มีความสุขกับงานที่ทำ เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แต่คุณจะรู้ได้ไงว่างานที่คุณทำอยู่คือ "งานในฝันนั้น"
ผู้เขียนก็เป็นอีกคนนึงที่ตามหาคำตอบนี้มานาน

ผมเป็นเด็กวิดวะอุตฯ ที่ได้รับการประสิทธิ์ประศาสตร์ความรู้ในสาขาวิชาอุตฯ มามากมายหลายแขนง แต่ได้ที่เริ่มต้นการทำงานในโรงงานตามวิถีนิยมของเด็กอุตฯ ตั้งแต่ตอนเรียบจบมาใหม่ๆ ตอนนั้นก็คงเป็นความรู้สึกว่า "เอาวะได้งานแล้วหนิ ลองดูสักตั้งแล้วกัน" นี่คือจุดเริ่มต้นของงานแรกของผม

ด้วยความที่งานในโรงงานมีการกำหนดหน้าที่ชัดเจน คุณต้องทำงานตามที่กำหนดให้ เลยมีคำถามที่ผมมักฉุกถามตัวเองบ่อยๆ คือ "เฮ้ย!!! กูร่ำเรียนมามากมายทำไมวะ ให้กูทำแค่นี้ นี่มันไม่ถึง 10% ที่เรียนมาเลยนะ"
ผนวกกับตารางเวลาการทำงานที่ตายตัว "โอ้วนี่มันกรงขังชัดๆ"
ทำงานในโรงงานได้สัก 3-4 เดือน ผมก็พบกับความรู้สึก "โคตรน่าเบื่อเลย"
ผ่านไปได้ 6 เดือน หลากหลายความรู้สึกที่ค่อยๆสะสมมาได้กลั่นตัวจนกลายความรู้สึกเดียวที่ถูกบรรจุอยู่ในตัวผมตอนนั้น มันคือความรู้สึกของการแสวงหาท้าทาย  ตัวผมเลยบรรจุคำสั่งเข้าไปในสมองโดยไม่มีการใส่ปุ่ม delete คำสั่งนั้นออกไปด้วย คำสั่งแบบทางเดียวนั้น คือ เราอยากโบยบิน
"ลาออก" หางานใหม่ คือคำตอบของผมในตอนนั้น

เคว้งสิครับ ออกมาปุ้บมาถามตัวเอง กูจบวิดวะอุตฯ มา กูไม่ทำโรงงานแล้วกูจะไปทำงานที่ไหน ออกมาตกงานอยู่ได้ 3-4 เดือนเลยนะ ต้องขอเงินที่บ้านกิน เอาจริงๆ มันเป็นความรู้สึกที่หดหู่นะ เหมือนคนหลงทิศไม่รู้จะต้องเดินไปทางไหนประมาณนั้นเลย
แต่สิ่งที่มาช่วยผมในตอนนั้นคือ "โชค" ครับ
"โชค" ในที่นี้ไม่ใช่ชื่อคนนะครับ มันคือดวงล้วนๆ ครับ เด็กว่างงานในยุคที่ยังไม่มี Web หางาน คุณจะหางานที่ไหนครับ นอกจากตามหนังสือพิมพ์ ตามงาน Job fair (ซึ่งก็ไม่ได้จัดกันบ่อย) หรือตามบอร์ดในมหาลัย งานสมัยนั้นช่างหายากครับ โดยเฉพาะเด็กวิดวะอุตฯ ที่ไม่อยากกลับไปทำงานโรงงานครับ

ผมได้ใช้ "โชค" ของผมในการเดินเตร็ดเตร่ในมหาลัยแล้วเจอบอร์ดประกาศว่า มหาลัยมีโปรเจครับนิสิตที่จบไปกลับมาทำงานเป็น "ที่ปรึกษา" เพื่อให้คำปรึกษากับบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ
แน่นอนครับ ผมรีบเตรียมเอกสารเพื่อรอวันสมัครเลย และผมก็ผ่านการสัมภาษณ์ได้ร่วมโครงการครับ ดีใจอย่างน้อยก็ไม่ตกงานอีก 8 เดือน (โครงการนี้มีระยะเวลา 8 เดือนครับ)

ผมได้รับตำแหน่ง "ผู้ช่วยที่ปรึกษา" ซึ่งต้องช่วยงาน "ที่ปรึกษาหลัก" (ผมขอเรียกว่าอาจารย์นะครับ) ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางครับ ตำแหน่งเหมือนเท่ห์ แต่จริงๆ คือเบ๊ นั่นเองครับ
ผมต้องเข้าไปช่วยอาจารย์ พัตนาและวางระบบให้โรงงานแห่งหนึ่ง แน่นอนผมจบวิดวะอุตฯมา ทางมหาลัยคงเห็นจุดเด่นตรงนี้เลยส่งผมมาโรงงานนี้ครับ ครั้งนี้ผมได้โอกาสจากอาจารย์ในการลงมือใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมอันหลากหลายลงมือพัฒนาโรงงานแห่งนี้ โดยท่านเป็นคนวางโครงและทิศทางไว้ให้ ส่วน detail ก็แรงงานผมล้วนๆครับ
เฮ้ย!! สนุก ท้าทาย อย่างที่ผมอยากเลยครับ.......แต่บอกเลยครับว่าในยุคที่การเดินทางยังไม่สะดวกเท่าปัจจุบัน การเข้าโรงงานบางพลีเมื่อปี พศ. 2545 เหนื่อย อิ้บ อ๋าย

ความรู้สึกสนุกกับงานในแบบที่ไม่มีตอนทำงานในโรงงานจากการทำงานนี้แหละครับ ทำให้ผมตกหลุมรักอาชีพที่เรียกว่า "ที่ปรึกษา" ขึ้นมาทันที

ผมบอกตัวเองดังๆ ตั้งแต่ตอนทำงานนี้เลยครับว่า "นี่แหละงานในฝันของกู กู อยาก เป็น ที่ปรึกษา"

พอโปรเจคนี้จบ ผมก็ออกหางานใหม่ครับ (ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาอีกโปรเจค เนื่องจากเงินเดือนน้อย) โดยมองหาตำแหน่งงานที่มีคำว่า "ที่ปรึกษา" หรือ "Consultant" จนมาพบตำแหน่งงานหนึ่งคือ Application consultant ครับ
แม้จะไม่เข้าใจว่า Application consultant คืออะไร  แต่ผมก็สมัครไปสิครับ จะรออะไรหละ ในใจคิดว่ามันคงเป็นที่ปรึกษาประเภทหนึ่งแหละวะ ลองดูละกัน

ตอนนั้นสารภาพว่าผมเป็นเด็กโง่คอม ไม่รู้จัก application เลยครับ แต่จากการสมัครงานครั้งนั้นคือจุดเริ่มต้นของงานที่ปรึกษาระบบ ERP ของผมมาจนถึงปัจจุบันนี้
เป็นจุดเริ่มของ Blog ของผม
จุดเริ่มของ Consultant The Story